ชาโด้ สิงห์มาวิน ศึกชี้ชะตาแรงกิง รอวัดเดือด บัมปารา
ชาโด้ สิงห์มาวิน นักสู้ฝีมือฉกาจจากจังหวัดตาก ผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของ ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ปอนด์) ได้โชว์ความฟิตก่อนการดวลเดือดกับ บัมปารา คูยาเต นักสู้ขายาวเชื้อสายฝรั่งเศส-มาเลย์ และอันดับ 2 ของมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ในศึก ONE Fight Night 35
ใน 6 ไฟต์แรกใน ONE ลุมพินี เอ็มโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง เอาชนะนักสู้ระดับท็อปได้ถึง 5 คน เขาบรรลุความฝันในการเป็นผู้ถือสัญญา ONE คนที่ 24 ในศึก ONE ลุมพินี 100 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้อันดับใน ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ของเขาขยับสูงขึ้นทันที
ในศึก ONE Fight Night 33 เมื่อวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม เอ็มมีโอกาสขึ้นเวทีใหญ่เป็นครั้งแรก แต่น่าเสียดายที่ไฟต์นี้จบลงอย่างไม่คาดคิด ” ชาโด” เผลอจิ้มตา “โมฮาเหม็ด ยูเนส ราบาห์” เข้าที่ตาตั้งแต่ต้นยกสอง หลังจากตรวจร่างกายแล้ว พบว่านักชกชาวแอลจีเรียไม่สามารถขึ้นชกต่อได้ ส่งผลให้ “ไม่มีการแข่งขัน” เอ็มมุ่งมั่นที่จะกลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้งและก้าวขึ้นสู่เวทีระดับถัดไป
การแข่งขันกับ “บัมปารา” นักชกระดับสูงกว่า จะพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของเขาในการเป็นคู่ต่อสู้คนต่อไปของ “ตะวันฉาย พี.เค. แสนชัย” เขามั่นใจในความฟิตของตัวเองและพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
คูยาเต้ ลงสนามประลองสำคัญครั้งนี้ด้วยโมเมนตัมอันเข้มข้น นักสู้ชาวฝรั่งเศส-มาลีวัย 30 ปี คว้าชัยชนะแบบ TKO ติดต่อกัน 2 ครั้ง ส่งให้เขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการ ก่อนอื่น เขาเอาชนะน็อกซูเปอร์สตาร์ชาวอเมริกัน ลุค “เดอะเชฟ” เลสซี ในยกที่สามของการแข่งขันอันดุเดือดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 จากนั้นเขาก็สร้างผลงานโดดเด่นอีกครั้งในศึก ONE 170 เมื่อเดือนมกราคม ด้วยการเอาชนะ “สโมกกิน” โจ ณัฐวุฒิ ในยกแรก
อดีตแชมป์โลกมวยไทย WMC คนนี้ มีสถิติอาชีพ 36-2 และพิสูจน์ฝีมือการชกในการแข่งขันระดับท็อป ฟอร์มการเล่นล่าสุดของเขาแสดงให้เห็นว่าเขากำลังอยู่ในช่วงพีคในเวลาที่เหมาะสม ชาโดว์ ถือเป็นความท้าทายที่แตกต่างแต่อันตรายไม่แพ้กัน นักสู้ชาวไทยผู้นี้ได้รับสัญญาสำคัญหลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในศึก ONE Friday Fights ซึ่งเขาเอาชนะอดีตผู้ท้าชิงแชมป์โลก จิมมี่ เวียโนต์ และตำนานอย่าง สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง
สัญญาหกหลักของเขาเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเอาชนะฮัสซัน วาห์ดานิรา ในยกที่สองของศึก ONE Friday Fights 100 เมื่อเดือนมีนาคม สิงห์ มาวินน์ เข้าสู่รอบคัดเลือกครั้งนี้ด้วยภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น ผลงานที่ผ่านมาของเขาจบลงด้วยความผิดหวังและคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ
อดีตแชมป์โลกมวยไทยเวทีราชดำเนิน เอาชนะโมฮาเหม็ด ยูเนส ราบาห์ ในศึก ONE Fight Night 33 แต่การถูกจิ้มตาโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้กรรมการต้องยุติการแข่งขัน สิ่งที่ควรจะเป็นชัยชนะเหนือโมฮาเหม็ด ยุเนส ราบาห์ กลับกลายเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวัง
การจบการแข่งขันอันน่ากังขานี้ยิ่งตอกย้ำความปรารถนาของเขาที่จะสร้างความโดดเด่นให้กับคู่ต่อสู้ระดับท็อป คูยาเต้คือคู่ต่อสู้อันดับสูงที่ชาโดว์ต้องการพิสูจน์คุณค่าในฐานะแชมป์ แมตช์นี้นำเสนอความแตกต่างอย่างโดดเด่นในสไตล์การชก ความได้เปรียบและการเตะสูงของคูยาเต้เป็นบททดสอบจังหวะและการใช้ศอกระยะประชิดของชาโดว์ ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาไปแล้ว
นักสู้ทั้งสองเข้าใจถึงความสำคัญของโอกาสนี้ และตะวันฉายกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ผู้ชนะมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ท้าชิงรางวัลใหญ่ที่สุดในมวยไทยรุ่นเฟเธอร์เวท เดิมพันสูงสำหรับนักสู้สองคนที่ทุ่มเททำงานหนักมาหลายปีเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในรุ่น
📌 ภาพรวมก่อนชก
ไฟต์นี้ถือเป็น “ศึกชี้ชะตาแรงกิง” ของรุ่นเฟเธอร์เวตมวยไทย ONE Championship โดย
ชาโด้สิงห์มาวิน (อันดับ 3 แรงกิง) นักชกไทยจากตาก ผู้ครองสไตล์มวยครบเครื่อง อาวุธจัดจ้านทั้งหมัด เท้า เข่า ศอก และมีประสบการณ์ในเกมระดับสูงมาแล้ว
บัมปารา คูยาเต (อันดับ 2 แรงกิง) นักชกเลือดผสมฝรั่งเศส-มาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่อง ก้านคอยาว, ฟุตเวิร์กดี, หมัดตรงแม่นยำ และความแข็งแกร่งของร่างกาย
ผลของไฟต์นี้จะชี้ชัดว่า ใครจะได้สิทธิ์ท้าชิงแชมป์โลกกับ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” ในอนาคตอันใกล้
🥊 จุดแข็งของ “ชาโด้สิงห์มาวิน”
ความครบเครื่อง – อาวุธมวยไทยจัดเต็ม สามารถปรับสไตล์ได้ทั้งเกมบู๊-เกมรับ
ลูกเตะหนักและแม่น – โดยเฉพาะการเตะซ้ายที่ทรงพลัง สามารถใช้ทำลายจังหวะของคู่ชกสูงยาวอย่างบัมปาราได้
ความฟิตเต็มร้อย – จากการเปิดค่ายซ้อมล่าสุด “ชาโด้สิงห์มาวิน” แสดงให้เห็นว่าฟอร์มร่างกายดีเยี่ยม พร้อมชก 3 ยกแบบไม่หมดแรง
จิตใจนักสู้ – ไฟต์ก่อนหน้านี้ (ONE Fight Night 33) จบแบบไม่มีผลการแข่งขันเพราะอุบัติเหตุ ทำให้ไฟต์นี้เจ้าตัวมุ่งมั่นพิสูจน์ตัวเองมากขึ้น
🥊 จุดแข็งของ “บัมปารา คูยาเต”
ช่วงชกยาว – ความได้เปรียบด้านรูปร่าง โดยเฉพาะช่วงแขนและขา ทำให้สามารถออกหมัดตรงและเตะไกลได้ก่อน
ฟุตเวิร์กและการเคลื่อนที่ – คล่องตัว ใช้การถอยแล้วดักหมัด-เตะสวนได้ดี
พลังหมัดและศอก – มีสไตล์เน้นความดุดันเมื่อปิดระยะได้ ต่อยหมัดชุดและศอกเข้าจุดได้อันตราย
แรงกดดันน้อยกว่า – แม้จะเจอกับเจ้าถิ่น แต่การไม่มีแรงกดดันมากอาจทำให้เขาชกอย่างอิสระและใจเย็น
⚖️ จุดที่ต้องระวัง
ชาโด้ ต้องระวังการโดนดักแทงหมัดขวาของบัมปารา รวมถึงการโดนคว้าคอเสียเปรียบช่วงชก
บัมปารา ต้องระวังแข้งซ้ายหนัก ๆ และการเข้าปะทะระยะประชิดที่ชาโด้ถนัด โดยเฉพาะศอกสั้น
🔍 แนวโน้มเกมการชก
ยกแรก: บัมปาราอาจใช้ความสูงยาวดักหมัดและเตะเพื่อคุมระยะ ส่วนชาโด้สิงห์มาวินจะพยายามกดดัน ปิดช่องว่าง
ยกสอง: เกมจะเริ่มเข้มข้นขึ้น หากชาโด้สิงห์มาวินปิดระยะได้ จะได้เปรียบในการออกอาวุธประชิด แต่ถ้าบัมปาราใช้ฟุตเวิร์กเอาตัวรอด จะยังคุมเกมได้
ยกสาม: ขึ้นอยู่กับความอึดและความเฉียบคม หากชาโด้สิงห์มาวินยังยืนระยะกดดันได้ อาจเป็นฝ่ายทำคะแนนเหนือ แต่หากบัมปารายืนระยะดักต่อยได้แม่น ไฟต์อาจพลิกไปทางเขา
เส้นทางในไฟต์สำคัญ
ไฟต์นี้ถือว่าเป็น โอกาสทอง สำหรับชาโด้ในการยึดตำแหน่งผู้ท้าชิงอันดับ 2 แทนบัมปารา และก้าวเข้าใกล้โอกาสชิงเข็มขัดแชมป์โลกกับ ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย
ONE Championship
เดลินิวส์
นอกจากนี้ ไฟต์ก่อนหน้านี้ (ONE Fight Night 33) ของชาโด้จบลงแบบ “ไม่มีผลการแข่งขัน” เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการชก (นิ้วเข้าตาคู่ชก) ซึ่งเพิ่มแรงจูงใจให้เขาครั้งนี้ต้องถล่มคู่แข่งเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมา
🏆 บทสรุปวิเคราะห์
ไฟต์นี้เป็น เกมเชิงแท็กติกและแรงกดดันสูง
หาก “ชาโด้สิงห์มาวิน” สามารถปิดระยะได้เร็ว ออกแข้งซ้ายต่อเนื่อง และเล่นเกมในคลินช์ได้ จะมีโอกาสชนะคะแนน หรืออาจถึงน็อกเอาต์
แต่ถ้า “บัมปารา” คุมระยะได้ และใช้ช่วงชก-หมัดตรงกดดันเรื่อย ๆ ความได้เปรียบจะอยู่ที่เขา
โอกาสออกมาใกล้เคียง แต่ความเป็นเจ้าถิ่น + ประสบการณ์ในเวทีลุมพินี ทำให้ “ชาโด้สิงห์มาวิน” อาจมีภาษีเหนือกว่าเล็กน้อย
หากคุณเป็นคอมวยที่ไม่อยากพลาดทุกประเด็นร้อนของศึก ONE Fight Night 35 รวมถึงข่าวสารความเคลื่อนไหวในวงการมวยไทยอย่างต่อเนื่อง
สามารถติดตามข้อมูลอัปเดตได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ มวยวันนี้ หรือจะสะดวกยิ่งขึ้น เพียงเพิ่มเพื่อนในไลน์ @MTD1 (อย่าลืมใส่ “@” นำหน้าด้วยนะครับ)