เดิมทีคู่ชกของนักรบในไฟต์นี้คือ จาค็อบ สมิธ จากสหราชอาณาจักร แต่เมื่อคู่ชกถอนตัวเพราะอาการบาดเจ็บ ทาอิกิที่มีประสบการณ์บนสังเวียน ONE มาอย่างโชกโชนจึงได้เข้ามาแทนที่ นักรบบอกว่าการเปลี่ยนคู่ชกไม่เป็นปัญหา เพราะเขามีเวลาศึกษาและเตรียมตัวราวหนึ่งเดือน ซึ่งเพียงพอสำหรับการปรับแผน

ทาอิกิ นาอิโตะ เป็นนักสู้ที่ขึ้นชกกับ ONE มากกว่า 14 ไฟต์และมีผลงานที่น่าจับตามอง ล่าสุดเขาสร้างความฮือฮาด้วยการหยุดสถิติไร้พ่ายของ โยฮัน เอสตูปินาน ลงด้วยคะแนนเอกฉันท์ ซึ่งช่วยเรียกความมั่นใจคืนมาให้เขาหลังจากผลงานที่สะดุดในสองไฟต์ก่อนหน้า

จากมุมมองการเตรียมตัว นักรบเล่าว่าเขาได้รับคำแนะนำจากโยฮันในการซ้อม โดยเน้นการระวังหมัดฮุกซ้ายและลูกตวัดเตะซ้าย รวมถึงการรัดกุมเมื่อเดินเข้าหา เพราะทาอิกิมีความเร็วและชิงจังหวะได้ดี แผนการของนักรบคือเดินบี้กดดัน ใช้ความหนักของอาวุธและเกมระยะประชิดเป็นจุดแข็งเพื่อปิดช่องทางของคู่ชก

“ผมเป็นฝ่ายเดินบุกมาตลอดและไฟต์นี้ก็เช่นกัน ถ้าคู่ชกเลือกวิธีหนีก็หนีไป แต่ผมจะตามไล่ไม่หยุด เมื่อมีช่อง ฉันจะทุ่มหมดหน้าตัก” นักรบกล่าว มุ่งหวังว่าจะคืนฟอร์มและเรียกศรัทธาจากแฟนมวยกลับมา

สำหรับแฟนมวย ไฟต์นี้จึงมีองค์ประกอบที่น่าสนใจทั้งเรื่องสไตล์การชกและบททดสอบของนักรบว่าจะสามารถปรับตัวจากความพ่ายแพ้ที่ผ่านมาแล้วกลับมาสู่ฟอร์มเก่งได้หรือไม่ ขณะที่ทาอิกิก็พกความเร็วและความช่ำชองมาท้าทายความแข็งแกร่งของนักรบ ทำให้การปะทะครั้งนี้มีความคาดเดาได้ยากและเต็มไปด้วยความเข้มข้น

ท้ายที่สุด ผลการแข่งขันจะขึ้นอยู่กับการอ่านเกมและจังหวะบนเวที — หากนักรบเดินบี้ได้ตามแผนและบีบพื้นที่ได้ดี โอกาสที่จะได้ชัยเพื่อเรียกความเชื่อมั่นคืนมาทั้งต่อตัวเองและแฟน ๆ ย่อมเปิดกว้าง แต่ถ้าทาอิกิสามารถใช้ความเร็วและลูกจุกจิกสร้างช่อง นักรบก็อาจต้องเจอการทดสอบหนักกว่าที่คาด

ไฟต์นี้จึงไม่ใช่เพียงการชิงชัยบนสังเวียน แต่น่าจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของนักรบในการก้าวผ่านช่วงเลวร้ายและกลับมายืนในตำแหน่งที่เขาฝันไว้ — แฟนมวยทั่วประเทศเตรียมเฝ้าชมได้ในเช้าวันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย.